The Chronicles

วิเคราะห์ตลาดรถกระบะไทยปี 2025 และบทบาทของรถกระบะจีน: โอกาสใหม่ในสมรภูมิที่ร้อนแรงที่สุด

ตลาดรถกระบะในประเทศไทยปี 2025 ยังคงเป็น “สมรภูมิหลัก” ของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่ง แต่จีนได้เข้ามาเติมเต็มด้วย เทคโนโลยีใหม่ ราคาที่แข่งขันได้ และความคุ้มค่า

ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ถูกยึดครองโดย “รถกระบะ” มาโดยตลอด ไม่ใช่เพียงในฐานะยานพาหนะสำหรับการบรรทุกสินค้า แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการใช้งานที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งภาคเกษตรกรรม ธุรกิจ SME ไปจนถึงการใช้งานแบบครอบครัว

ข้อมูลจากสถาบันยานยนต์ระบุว่า รถกระบะครองสัดส่วน ประมาณ 40–45% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในไทย หรือเฉลี่ย 450,000–500,000 คันต่อปี ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และอยู่ในระดับต้น ๆ ของโลก

ในปี 2025 ตลาดรถกระบะไทยยังคงแข่งขันอย่างเข้มข้น โดยมี แบรนด์ญี่ปุ่น อย่าง Toyota, Isuzu, Mitsubishi, Nissan, Mazda และ Ford เป็นผู้เล่นหลัก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 3–5 ปีหลัง คือการเข้ามาของ ค่ายรถจีน ที่นำเสนอรถกระบะทั้งแบบ ICE (เครื่องยนต์สันดาป), Hybrid และ EV (ไฟฟ้าล้วน) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค


ภาพรวมตลาดรถกระบะในประเทศไทย

สถิติสำคัญ

พฤติกรรมผู้บริโภคไทย

  1. กลุ่มใช้งานจริง (Workhorse) – เน้นความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ
  2. กลุ่มครอบครัว/ไลฟ์สไตล์ – เลือกกระบะ 4 ประตูที่หรูหราและใช้แทนรถเก๋ง
  3. กลุ่ม SME และ Fleet – มองต้นทุนรวม (TCO) ทั้งค่าน้ำมัน บำรุงรักษา และราคาขายต่อ

📌 สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความเชื่อมั่นด้านศูนย์บริการ และ มูลค่าขายต่อ


รถกระบะจีน: บทบาทใหม่ในตลาดไทย

เหตุผลที่ค่ายจีนบุกตลาดกระบะ

  1. ไทยคือฐานการผลิตระดับโลก – มีระบบซัพพลายเชนครบถ้วน
  2. ตลาดใหญ่และต่อเนื่อง – กระบะเป็น “Mass Market” ที่มีผู้ใช้จริงจำนวนมาก
  3. โอกาสด้าน EV และ Hybrid – รัฐบาลไทยสนับสนุน EV และค่ายจีนมีเทคโนโลยีที่พร้อมกว่า

จุดแข็งของกระบะจีน


การวิเคราะห์รายค่าย

🚙 Great Wall Motor (GWM)


🚛 JAC Motors


🚐 SAIC (MG & Maxus)


🛻 Changan Automobile


🚚 Dongfeng Motor


โอกาสและความท้าทาย

โอกาส

  1. EV Pickup & Hybrid Pickup → ไทยสามารถเป็นฐานการผลิตส่งออกได้
  2. การแข่งขันมากขึ้น → ทำให้ผู้บริโภคได้รถที่ดีกว่าในราคาที่เข้าถึงง่าย
  3. การยอมรับของคนรุ่นใหม่ → เปิดใจต่อแบรนด์จีนมากกว่าคนรุ่นเก่า

ความท้าทาย

  1. เครือข่ายบริการหลังการขาย → ต้องครอบคลุมเทียบเท่าญี่ปุ่น
  2. ความทนทานจริง → ต้องพิสูจน์ว่าใช้งานหนักในสภาพแวดล้อมไทยได้
  3. มูลค่าขายต่อ → ยังเป็นจุดที่ผู้บริโภคกังวล

สรุปภาพใหญ่

ตลาดรถกระบะในประเทศไทยปี 2025 ยังคงเป็น “สมรภูมิหลัก” ของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่ง แต่จีนได้เข้ามาเติมเต็มด้วย เทคโนโลยีใหม่ ราคาที่แข่งขันได้ และความคุ้มค่า

ในระยะสั้น (1–3 ปี) กระบะจีนอาจยังไม่สามารถแซงเจ้าตลาด แต่จะเป็น “ตัวเร่ง” ให้ตลาดแข่งขันสูงขึ้น และผู้บริโภคไทยได้ทางเลือกใหม่ ๆ
ในระยะกลางถึงยาว (3–5 ปี) หากจีนพิสูจน์ตัวเองด้านบริการหลังการขาย ความทนทาน และสร้างความเชื่อมั่นได้ จะมีโอกาสครองส่วนแบ่ง 10–15% ของตลาดกระบะไทย

กล่าวได้ว่า รถกระบะจีนในไทย ไม่ใช่กระแสชั่วคราว แต่คือ “New Challenger” ที่จะเปลี่ยนเกมในอนาคตอันใกล้ 🚀


ถ้าชอบคอนเทนต์แบบนี้ กดไลค์ กดติดตามเพจไว้  https://www.facebook.com/TheChronicles.AutosAndSports จะได้ไม่พลาดสาระดีๆ จากเพจของเรานะครับ

#ChroniclesAutos

Exit mobile version