เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ณ Tokyo Big Sight กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เหล่าผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกเปิด “เวทีใหญ่แห่งอนาคตยานยนต์” ภายใต้ชื่อ Japan Mobility Show 2025 (เดิมคือ Tokyo Motor Show) ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นมากกว่าโชว์รถ แต่คือ แคตตาล็อกของสิ่งที่จะมาเป็น “วิถีชีวิตต่อไป” ในโลกยานยนต์
แต่น่าแปลกใจที่ ขณะที่ภาพลักษณ์ คอนเซ็ปต์ และดีไซน์ล้ำหน้าเดินหน้าไวมาก กลับมี “จุดหนึ่ง” ที่หลายคนสังเกตเห็นได้ชัด — นั่นคือ ไม่มีการเปิดเผยชัดเจนว่าอนาคตรถเหล่านี้จะขับเคลื่อนด้วยอะไร (พลังงานไฟฟ้า, ไฮบริด, ไฮโดรเจน หรืออื่น ๆ) ซึ่งดูเหมือนจะเป็น “คำตอบที่ถูกเว้นว่างไว้”
1 | ภาพลักษณ์ : อนาคตมาเร็ว – ดีไซน์มาเต็ม
ในฮอลล์ของงาน เราเห็นแนวคิดและคอนเซ็ปต์รถยนต์จากแบรนด์ใหญ่ ได้แก่ Toyota, Lexus, Honda, Mazda และอีกมากมาย โดยเฉพาะ:
- Lexus Sport Concept, Lexus LS Six-Wheel Van และ Century One-of-One Coupe ที่ออกแบบกล้าและดูเหมือน “ป้อมปราการเคลื่อนที่” แฝงแนวคิดความมั่นคง
- Honda แสดงโคนเซ็ปต์รุ่น 0 Series และ Super-ONE Prototype รถไฟฟ้าขนาดเล็กที่เขียนว่า “สำหรับชีวิตประจำวัน” แต่ยังคงไว้ด้วยความสนุกของการขับขี่
- Toyota โชว์ Corolla Concept ที่ดูเหมือนปลั๊กอินไฮบริดหรือไฟฟ้าเต็มรูปแบบ พร้อมโครงสร้างดีไซน์ใหม่
สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าแบรนด์ญี่ปุ่นไม่ได้หวังเพียงเป็นผู้ตามในโลก EV อีกต่อไป แต่ตั้งใจจะเป็น “ผู้สร้าง” ตัวเลือกใหม่ให้โลกได้เลือก
2 | สิ่งที่ยังไม่เปิดเผย : พลังงานคือคำถาม
ถึงแม้จะมีรถ เเละได้เห็นเเนวคิดที่หลากหลาย แต่เมื่อถามว่า ด้านขุมพลัง–แบตเตอรี่–ระบบขับเคลื่อนใช้แบบไหน ค่ายใหญ่หลายแห่งเลือกใช้ คำตอบแบบแฝงนัยยะสำคัญ เช่น “ยังไม่ได้ตัดสินใจ”, “ขึ้นอยู่กับตลาด” หรือ “ข้อมูลจะเปิดภายหลัง”
แม้จะมีเทคโนโลยีอย่าง “ดักจับคาร์บอน ทีช่วยลด CO₂ ในอากาศ” ของ Mazda หรือ “แบตเตอรี่/เคมีใหม่” ของ Honda ปรากฏขึ้น แต่ภาพรวมคือ:
ซึ่งอาจมองว่า ญี่ปุ่นเลือกเดินทางแบบ Multi-Path — ไม่ล็อกตัวเองไว้ที่พลังงาน EV เพียงอย่างเดียว
3 | ทำไมเรื่องนี้ มีผลต่อไทย?
– ตลาดไทยคือ “🌏 ศูนย์กลางเชื่อมโยงอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นสู่เอเชีย””
ไทยคือศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นในอาเซียน — หากญี่ปุ่นเปลี่ยนเกม รถยนต์รุ่นใหม่, พลังงานใหม่, โครงสร้างใหม่ก็จะส่งผลมาถึงไทยเร็วกว่าใคร
– ช่องว่างให้ผู้เล่นรายใหม่
ถ้าญี่ปุ่นยังไม่ชัดเรื่องขุมพลัง แต่ไทยเปิดรับตลาด EV/ไฮบริด – ผู้ผลิตจีนหรือยุโรปอาจเข้ามาแทรกซึมแบบรวดเร็ว
– โครงสร้างพื้นฐาน & กฎหมายต้อง “รอก่อน”
ญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่า “ไม่ได้รีบ” ใช้แค่ EV — ไทยจึงมีโอกาสเตรียมพร้อมทั้งโครงสร้างชาร์จ ระบบไฟฟ้า กฎหมาย ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนเกม
– ดีไซน์ &แบรนด์ = เครื่องมือสร้างมูลค่า
รถดีไซน์ล้ำหน้าในงานชี้ชัดว่า “ดีไซน์” กลายเป็นตัวขับเคลื่อนมูลค่า ไม่ใช่แค่ขุมพลัง ดังนั้นผู้ผลิตไทย/ตัวแทนจำหน่ายควรมองเรื่อง Branding & Experience เพิ่มขึ้น
4 | มุมมองจาก ทีมงาน บก. The Chronicles
“ญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเพียงโชว์รถไฟฟ้าอีกแล้ว — พวกเขากำลังตีเส้นทางไว้ให้โลกว่า การขับเคลื่อนในอนาคตคือ ‘ตัวเลือกหลายทาง’ และไม่จำเป็นต้องเป็น EV เท่านั้น.
สำหรับไทย นี่คือโอกาสทองที่จะไม่วิ่งแซงแต่เลือกทางเดินให้ถูกต้องก่อน… เพราะถ้าวิ่งตามหลังโดยไม่คิด กลับอาจหมดโอกาสเป็นต้นแบบในภูมิภาค.”
ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เราอาจได้เห็นรถยนต์ญี่ปุ่นรุ่นใหม่ที่ผลิตในไทยใช้เทคโนโลยี Hybrid + Fuel Cell + EV ผสมกัน ค่ายไทยอาจได้เป็นฐานผลิตหรือฐาน R&D หากมองเห็นโอกาสนี้ก่อน
5 | สิ่งที่ควรจับตา
- ความคืบหน้า “ระบบขับเคลื่อน” ที่จะถูกเปิดเผยในปี 2026-27
- ผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่นที่อาจผลิตในไทยหรือส่งออกจากไทย
- นวัตกรรมโครงสร้างดีไซน์-วัสดุที่ถูกปรับใช้จริงในรถไทย เช่นเดียวกับคอนเซ็ปต์ที่เห็นในโตเกียว
- การเปลี่ยนทิศทางของผู้ผลิตจีน/ยุโรป ที่อาจเข้าแทนที่หากญี่ปุ่นยังไม่ชัด
🔍 สรุป
Japan Mobility Show 2025 คือ เวทีสำคัญของการประกาศว่า อนาคตของยานยนต์คือ “ความยืดหยุ่นและพร้อมเปลี่ยนได้หลายทาง” ไม่ใช่แค่วิ่งตาม EV เพียงอย่างเดียว
สำหรับไทย นี่คือสัญญาณใหญ่ — ถ้าเรารอ และไม่เตรียมพร้อม เราอาจพลาดการเป็น “ส่วนหนึ่งของยุคถัดไป”
แต่ถ้าเรามองเห็นช่องว่างนี้และเตรียมตัวได้ทัน เราอาจก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้ร่วมวางมาตรฐาน” ในภูมิภาค
✍️ เรียบเรียงโดย บก. ยานยนต์ The Chronicles
🌐 เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ www.thechronicles.in.th
📸 ภาพประกอบจาก Toyota, Honda, Lexus และ Japan Mobility Show 2025
📚 ขอบคุณข้อมูลจาก InsideEVs, Motor1.com Deutschland, Honda Global, Toyota Global และ Japan Mobility Show Official Website
