เรื่องความปลอดภัย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ กันไว้ดีกว่าแก้ ถ้ามันแย่เราจะแก้ไม่ทัน
ข้อควรระวัง และระลึกถึงช่วง 7 วัน อันตราย เทศกาลปีใหม่ เตรียมตัวเองให้พร้อมเมื่อต้องขับขี่รถบนท้องถนน
8 วิธีลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่
เรื่องความปลอดภัย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
กันไว้ดีกว่าแก้ ถ้ามันแย่เราจะแก้ไม่ทัน
ข้อควรระวัง และระลึกถึงช่วง7 วัน อันตราย เทศกาลปีใหม่
เตรียมตัวเองให้พร้อมเมื่อต้องขับขี่รถบนท้องถนน
1. เมาไม่ขับ
ปีใหม่ทั้งที คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีกรึ๊บ 2 กรึ๊บ แต่เราต้องมีสติ เรากินเหล้า อย่าให้เหล้ากินเรา เมาแล้วขับแป็นสาเหตุหลักๆ ของเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
การดื่มเหล้ามีผลต่อการขับรถโดยตรง ถ้าจะพูดตามภาษาแพทย์ ก็น่าจะว่าเหล้าทำให้อวัยวะที่สำคัญ คือ ตับ สมอง หัวใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อระบบประสาทส่วนกลางทำให้เสียการทรงตัว พูดไม่ชัด สายตาพร่ามัว ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองช้าการตัดสินใจช้าลง และ เเละที่สำคัญใจจะสั่งให้กินแล้วกินอีก เรายังไม่เมา เปลี่ยนตัวเองเป็นสายเปย์ (555 อันนี้แอดมินเป็นเองครับ)ดังนั้น เมื่อขับรถขณะเมาขาดสติส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
และที่สำคัญ เมาเเล้วขับ ผิดกฏหมายนะคร้าบบบ
2. ศึกษาเส้นทางก่อนขับ
ปีใหม่นี้ ส่วนใหญ่เราๆ ท่านๆ บางคน ก็ออกไปต่างจังหวัด ก็เจอปัญหารถติด ไม่คุ้นหับเส้นทาง ซึ่งบางเส้นทางก็อาจเหมาะกับนักแข่งแรลลี่ สามารถนำมาซึ่งอุบัติเหตุได้ ดังนั้น หากเราลองตรวจเช็คเส้นทางทางก่อนเดินทางจะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น อย่างในกรณีขแงแอดมินเอง ก็จะตรวจจากจีพีเอส (GPS) และถามเพื่อนฝูง ผู้รู้เส้นทางก่อนขับต่างจังหวัดทุกครั้ง
3. คาดเข็มขัดนิรภัย หรือแม้แต่การสวมใส่หมวกกันน็อค
สิ่งที่เราควรทำให้เคยชินหลังขึ้นรถคือคาดเข็มขัด หรือ สวมหมวกนิรภัย ซึ่งหากละเลยข้อนี้ไปนอกจากจะเสียทรัพย์แล้วอาจทำให้เสียชีวิตได้ เรื่องเล็กๆ ก็อาจช่วยให้เราปลอดภัยได้ครับ
4. เคารพกฎจราจร และขับขี่อย่างมีวินัย
การเดินทางไปต่างถิ่น คือการไปในเส้นทางที่เราไม่คุ้นเคย ดังนั้น การขับขี่ตากฎ ระเบียบ ช่วยให้เราขับขี่ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตป้ายกำหนดความเร็ว ป้ายบอกสภาพถนนด้านหน้า ป้ายเตือนให้ระวัง ต่างๆ คือสิ่งเล็กๆ แต่ถ้าเราสังเกตเราก็จะขับขี่ได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น
5. เช็คสภาพรถก่อนสตาร์ท
ก่อนเดินทาง เราต้องประเมินสภาพรถ และที่เเน่ๆ สภาพเราด้วย ควรตรวจเช็คสภาพ รวมไปถึงการตรวจสภาพรถอย่างประจำสม่ำเสมอ เนื่องจากสภาพรถเป็นขั้นตอนพื้นฐานในการดูแลรถ
ง่ายที่สนุดก่อนเดินทาง คือการตรวจต่าง เช่น การเช็คลมยาง หากพบว่าลมยางอ่อนเกินไปควรแวะเข้าปั๊ม หรืออู่ที่ใกล้เคียงเพื่อเติมลมยางให้พอดีไม่แข็ง และไม่อ่อนจนเกินไป หรือการเช็คไฟหน้าไฟหลัง แบตเตอรี่ ถังน้ำมัน สัญญาณไฟเตือนต่างๆหรือ สำหรับรถไฟฟ้า 100% ก็ควรตรวจเรื่องไฟฟ้าเพื่อการเดินทาง ฯลฯ เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ และสร้างความปลอดภัยในบนท้องถนน ทั้งต่อตัวเรา และคนรอบข้างแล้ว
6. ไม่ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับขี่
การใช้โทรศัพท์ ไม่ว่าจะเปิดเพลง เปิด Social Media ต่างๆ จะทำให้อันตรายเเล้ว กฎหมายยังระบุว่า ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์ การใช้อินเทอร์เน็ต และการแชท ซึ่งการใช้โทรศัพท์มือถือไม่ว่ากรณีใด ๆอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หากพบการกระทำผิดจะมีโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท กฎหมายข้อนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อลดการใช้โทรศัพท์เท่านั้น แต่เป็นการช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วย หากเราจำเป็นต้องจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ หรือต้องใช้จริง เช่นต้องเปิด GPS เพื่อเช็คเส้นทาง เราควรเเวะจอดรถเพื่อใช้โทรศัพท์
7. ง่วงไม่ขับ
ใครไม่รู้ ควรรู้ไว้ว่า ง่วงก็ผิดกฎหมาย หากขับรถ
ตามประมวลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก 2522 ระบุว่า ผู้ขับขี่รถขณะร่างกาย หรือจิตใจหย่อนความสามารถมีความผิดตาม ม.103 บทลงโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
หากเรามีอาการง่วงควรปฏิบัติ ดังนี้
– จอดพัก หลับสักครู่สัก 15-20 นาที อย่านานกว่านี้เพราะเสียเวลาเดินทาง
– ดื่มกาแฟ
– ร้องเพลง เคี้ยวหมากฝรั่ง หรือการทำให้ปากขยับไล่ความง่วง ฯลฯ
8. ไม่ขับรถเร็ว
ส่วนใหญ่มักประมาทการขับรถบนท้องถนนด้วยการขับรถเร็ว และการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเกิดจากการขับรถเร็ว สาเหตุอาจมาจากการเร่งรีบขณะขับรถเพื่อไปถึงจุดหมายให้เร็วขึ้น หรืออาจเป็นปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันทั้ง พ.ร.บ. จราจรและ พ.ร.บ. ทางหลวง ได้เพิ่มโทษให้สูงขึ้นเป็น 10,000 บาทอีกด้วย หากคุณสามารถลดความเร็วในการขับรถ หรือกระทั่งการขับรถแซงทางโค้ง ขับรถเปลี่ยนเลนกระทันหัน การเบรครถกระทันหัน การขับรถฝ่าไฟแดง ฯลฯ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยแก่ตัวคุณเองรวมไปถึงคนรอบข้างได้อีกด้วย