
ตำนานเหล่านี้ไม่ได้วิ่งเพราะแรงม้าอย่างเดียว แต่วิ่งเพราะระบบหล่อลื่นที่คิดมาแล้ว ย้อนรอยตำนานแบรนด์ Aftermarket จากญี่ปุ่น ที่กว่าจะมาเป็น HKS Thailand ได้
“Total Balance Tuning” ไม่ใช่สโลแกน—คือปรัชญาการใช้งานจริง ในโลกที่ตัวเลขแรงม้าดึงดูดสายตา สิ่งที่ขับได้ทุกวัน กลับบ้านได้ทุกครั้ง และพร้อมลงสนามเมื่อถึงเวลา คือ “สมดุลทั้งคัน” ตั้งแต่การไหลของอากาศ การจัดการความร้อน ช่วงล่าง เบรก ไปจนถึง “เส้นเลือดของเครื่องยนต์” อย่างน้ำมันเครื่อง บทความนี้ชวนย้อน 5 โปรเจกต์ระดับไอคอนของ HKS ว่าพวกมันสอนเราเรื่องสมดุลอย่างไร และทำไม ‘การหล่อลื่นที่ถูกต้อง’ จึงยืนยาวกว่าคำว่าแรง
1. ZERO-R (R32 Skyline): วันที่สำนักแต่งตัดสินใจ “ทำรถทั้งคัน”



ZERO-R บนฐาน R32 คือคอมพลีทคาร์ที่ HKS ลงมือจริงจังกว่าสองปี ก่อนประกาศในปี 1991 ว่า “เราทำรถได้ทั้งคัน” แล้วขับไปทดสอบถึงออโต้บาห์น เยอรมนี—รถทำความเร็วเดินทางราว 270 กม./ชม. อย่างมั่นคง จุดชนะไม่ใช่เสียงฮือฮา แต่คือแนวคิดว่า “ถ้าฐานถูก ระบบที่เหลือจะคุยกันเอง” ใต้ฝากระโปรงยุคก่อตั้ง ขยายบอร์ RB26 เป็น 2,688 ซีซี (บอร์ 88 มม.) จับซิงเกิลเทอร์โบ HKS TA45S ที่มีเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกำลังแรงม้าราวๆ 450 PS / 50 kgm ต่อมา HKS Technical Factory ชุบชีวิตอีกครั้ง ดันสเต็ปสู่ราว 600 PS พร้อมแอโรและย้ายแทงก์เชื้อเพลิงเพื่อบาลานซ์ทั้งคัน—รถที่ทำให้วงการเริ่มคุยเรื่อง “โครงสร้างและบาลานซ์” ก่อนถามว่าได้กี่ม้า สิ่งเหล่านี้นั้น HKS จึงให้ความใส่ใจมากๆ
2. HKS BNR 32 JTC


จากถนนสู่สนาม เราขยับเข้าหาเรื่องเล่าที่แฟน ๆ GT-R มักเถียงกันมันส์ที่สุด BNR32 ในศึก JTC กลุ่ม A ภายใต้สีลายน้ำมันเครื่องสุด ICONIC ในแบบฉบับของ HKS เมื่อ HKS ประกาศเข้าร่วมแชมเปียนชิพปี 1992 ชื่อของ “ทีมแต่ง” ในเวทีทัวริ่งคาร์ระดับประเทศยังฟังดูเป็นเรื่องเกินฝัน แต่สองปีถัดมา พวกเขาคว้าชัยนัดแรกได้ที่สนาม Sportsland SUGO ในเรซที่ 3 กับรถหมายเลข 87 (Yukihiro Hane / Osamu Hagiwara) หมุดหมายที่ทำให้ทั้งวงการยอมรับว่า “ทีมแต่ง” ก็ยืนระยะบนเวทีโรงงานได้ คือภาพจำที่คนยังหยิบมาพูดถึงกัน ส่วน “สเปก” ของกลุ่ม A นั้น โลกไม่ค่อยได้เห็นตัวเลขทางการ แต่เอกสารเทคนิคของ R32 แต่เอกสารเทคนิค R32 ระบุช่วงกำลังของเครื่อง REINIK ไว้ราว 507–659 PS แล้วแต่สภาพสนาม พอจะอธิบายได้ว่าทำไมเจ้า “ก็อดซิลล่า” จาก HKS จึงสามารถเปลี่ยนโครงเรื่องของ JTC ได้ในยุคนั้นได้ สำหรับผม จุดที่ทำให้มันเป็นตำนานไม่ใช่แค่ชัยชนะ แต่มันคือ “ความกล้าของ HKS ” ที่เอาชื่อแบรนด์ตัวเองไปวัดกับโรงงานระดับชาติ และชนะในเกมที่กติกาไม่เข้าข้างคุณด้วยซ้ำ
3.HKS BNR 33 Drag


ปลายอีกฝั่งของโลกเซอร์กิต คือเส้นตรง 402 ม. ที่บีบทุกอย่างให้เกิดในไม่กี่วินาที HKS R33 Drag GT-R คือรถที่ทุกสำนักในญี่ปุ่นอยากล้มให้ได้ ก่อนที่มันจะถูกเก็บขึ้นหิ้งอย่างสมศักดิ์ศรี สถิติที่คนเล่นแดร็กจำได้ขึ้นใจคือ “7.671 วินาที”
ที่ Sendai Hi-Land ในปี 2001 ขับโดย Tetsuya Kawasaki พร้อมกำลังระดับ 1,300 PS จากหัวใจ RB ที่ขยาย 2.8 ลิตรกับคู่เทอร์โบไซส์ใหญ่ตัวเลขที่ทำให้มันครองบัลลังก์ AWD ที่เร็วที่สุดในโลกอยู่หลายปี ทั้งหมดมีการแถลงจากฝั่ง HKS USA ตอนประกาศ “รีไทร์” รถคันนี้ และมีสกู๊ปยืนยันตัวเลขโดยนักข่าวสายเทคนิคที่ไปเจาะรถจริงไว้ครบถ้วน ตำนานของ R33 คันนี้สอนคนแต่งรถทั้งโลกแห่งความเร็วไว้เป็นบทเรียนอย่างชัดเจนนั้นคือ ฟิล์มน้ำมันต้อง “มาทัน” ตอนบูสต์พุ่ง และการจะเร็วในระยะสั้นที่สุด ต้องเตรียมระบบให้ทนในระยะยาวที่สุด “การพลาดแม้ครึ่งจังหวะ” ก็ทำให้สูญเสียเวลาที่ดีได้
4.R35 GT-R “GT1000+


พอเข้าสู่สมัยรถโมเดิร์น HKS ก็หยิบ R35 GT-R “GT1000+” ขึ้นมาทำการบ้านคำว่า “แรงมากแต่ยังสุภาพ” ให้เป็นรูปธรรม โจทย์คือไม่ต้องพึ่งแอโรโหดๆ แต่ต้องวิ่งให้ได้จริงในสนามแข่งใหญ่ ผลลัพธ์คือถ้วยชนะ
WTAC 2014 (Sydney Motorsport Park) รุ่น R35 ด้วยเวลา 1:30.838 โดย NOB ที่พา “ゴジラ(โกจิระ)” คันเขียว-ม่วง-แดงเฉือนคู่ปรับเบอร์ใหญ่ในช็อตชู๊ตเอาต์สุดท้าย และในบ้านตัวเองก็มีบันทึกจากสื่อเทคนิคร่วมสมัยว่าเดโมคาร์ชุดนี้วิ่งที่ Fuji ได้ 1:39.853 ก่อนลดลงเหลือ 1:37.773 ในปีถัดมา ระดับความเร็วที่ไปแตะรถแข่ง GT300 โดยแทบไม่พึ่งแอโรสุดขั้ว และย้ำว่าเครื่อง VR38 ที่อัปสโตรกพร้อมเทอร์โบของ HKS ถ้าคุมความร้อน/เกียร์/ช่วงล่างให้คุยกันรู้เรื่อง ก็ “เร็วแบบขับได้จริง” ไม่ใช่แค่รถโชว์ตัวเลข
5.TRB-03 (86/BRZ)


คันที่พาแฟน Tsukuba ทั้งโลกอ้าปากค้าง วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2018 HKS บริษัทแม่ประกาศเองว่าทำ 49.445 วินาที สำเร็จในสภาพสนามแดดจัด โดยสามารถทำลายสถิติไว้ได้ต่ำกว่า 50 วินาที ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่วันแรก
โดยจะต้องเกิดจากการทุ่มเทและตั้งใจของ HKS อย่างจริงจัง โดยที่แอโรทำงานได้อย่างดี ช่วงล่างที่อ่านพื้นผิวเป็น และการคุมอุณหภูมิ-แรงดันที่นิ่งพอจะย้ำจังหวะเดิมได้ทุกโค้ง พละกำลังแท้จริงของเวอร์ชันสนามอาจถูกเล่ากันว่าเกิน
800+ ps ในสเต็ปเทอร์โบ ที่ขับโดย NOB แต่สิ่งที่ HKS ย้ำในข่าวประกาศอย่างยิ่งใหญ่คือ “องค์ความรู้จะถูกป้อนกลับไปยังสินค้า 86/BRZ ที่ขายจริง”
ผมชอบมองตำนานทั้งห้านี้เป็น “ห้องเรียนต่างยุค” ของแบรนด์เดียวกัน สอนว่าความรู้จากสนามแข่งคือเชื้อเพลิงของอุตสาหกรรมอะไหล่ เราอาจจำตัวเลขไม่ได้ครบทุกค่า แต่จำความรู้สึกได้ว่ารถทั้งคัน “เข้าจังหวะเดียวกัน” เป็นอย่างไร นี่คือสารที่ HKS พยายามพูดผ่านงานทุกชิ้น—แรงได้ แต่ต้องสมดุลด้วย ขับดี และอยู่กับเราได้นาน Total Balance Tuning จึงไม่ใช่คำโปรย แต่คือการวางฐานให้ถูก คุมอากาศ–ความร้อนให้ไหล และให้ของเหลวทำงานในเงื่อนไขที่มันเริ่มจาก เคลียร์ระบบหล่อลื่นด้วย DSR GT → เติม น้ำมันเครื่อง HKS ตามความหนืดที่เหมาะสม → แล้วดูแลการจ่ายน้ำมันด้วย DDR GT—สามขั้นที่พารถกลับมา “เหมือนใหม่” ในทุกวัน
สัมผัสตำนาน HKS ได้แล้ววันนี้
เรื่องราวทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ที่กาลเวลาได้จารึกไว้ ว่า HKS ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ แต่คือตำนานที่ขับเคลื่อนด้วยความหลงใหลและจิตวิญญาณแห่งชัยชนะที่ส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน
คุณสามารถสัมผัสผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก HKS Thailand ได้แล้ววันนี้ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถ แสกน QR Code หรือคลิกลิงค์ด้านล่างนี้ได้






























