Home Auto Articles ความแรงและความสมดุลต้องคู่กัน เผย 5 โปรเจกต์ HKS ในตำนาน ที่พิสูจน์บทบาทน้ำมันเครื่องได้อย่างแท้จริง

ความแรงและความสมดุลต้องคู่กัน เผย 5 โปรเจกต์ HKS ในตำนาน ที่พิสูจน์บทบาทน้ำมันเครื่องได้อย่างแท้จริง

109
0
HKS สอนผ่านตำนาน 5 โปรเจกต์ว่า Total Balance Tuning คือการคุมอากาศ ความร้อน และ “ของเหลว” ให้ถูกเงื่อนไข ชีวิตจริงไม่ซับซ้อน

ตำนานเหล่านี้ไม่ได้วิ่งเพราะแรงม้าอย่างเดียว แต่วิ่งเพราะระบบหล่อลื่นที่คิดมาแล้ว ย้อนรอยตำนานแบรนด์ Aftermarket จากญี่ปุ่น ที่กว่าจะมาเป็น HKS Thailand ได้

“Total Balance Tuning” ไม่ใช่สโลแกน—คือปรัชญาการใช้งานจริง ในโลกที่ตัวเลขแรงม้าดึงดูดสายตา สิ่งที่ขับได้ทุกวัน กลับบ้านได้ทุกครั้ง และพร้อมลงสนามเมื่อถึงเวลา คือ “สมดุลทั้งคัน” ตั้งแต่การไหลของอากาศ การจัดการความร้อน ช่วงล่าง เบรก ไปจนถึง “เส้นเลือดของเครื่องยนต์” อย่างน้ำมันเครื่อง บทความนี้ชวนย้อน 5 โปรเจกต์ระดับไอคอนของ HKS ว่าพวกมันสอนเราเรื่องสมดุลอย่างไร และทำไม ‘การหล่อลื่นที่ถูกต้อง’ จึงยืนยาวกว่าคำว่าแรง

1. ZERO-R (R32 Skyline): วันที่สำนักแต่งตัดสินใจ “ทำรถทั้งคัน”

ZERO-R บนฐาน R32 คือคอมพลีทคาร์ที่ HKS ลงมือจริงจังกว่าสองปี ก่อนประกาศในปี 1991 ว่า “เราทำรถได้ทั้งคัน” แล้วขับไปทดสอบถึงออโต้บาห์น เยอรมนี—รถทำความเร็วเดินทางราว 270 กม./ชม. อย่างมั่นคง จุดชนะไม่ใช่เสียงฮือฮา แต่คือแนวคิดว่า “ถ้าฐานถูก ระบบที่เหลือจะคุยกันเอง” ใต้ฝากระโปรงยุคก่อตั้ง ขยายบอร์ RB26 เป็น 2,688 ซีซี (บอร์ 88 มม.) จับซิงเกิลเทอร์โบ HKS TA45S ที่มีเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกำลังแรงม้าราวๆ 450 PS / 50 kgm ต่อมา HKS Technical Factory ชุบชีวิตอีกครั้ง ดันสเต็ปสู่ราว 600 PS พร้อมแอโรและย้ายแทงก์เชื้อเพลิงเพื่อบาลานซ์ทั้งคัน—รถที่ทำให้วงการเริ่มคุยเรื่อง “โครงสร้างและบาลานซ์” ก่อนถามว่าได้กี่ม้า สิ่งเหล่านี้นั้น HKS จึงให้ความใส่ใจมากๆ

2. HKS BNR 32 JTC

จากถนนสู่สนาม เราขยับเข้าหาเรื่องเล่าที่แฟน ๆ GT-R มักเถียงกันมันส์ที่สุด BNR32 ในศึก JTC กลุ่ม A ภายใต้สีลายน้ำมันเครื่องสุด ICONIC  ในแบบฉบับของ HKS เมื่อ HKS ประกาศเข้าร่วมแชมเปียนชิพปี 1992 ชื่อของ “ทีมแต่ง” ในเวทีทัวริ่งคาร์ระดับประเทศยังฟังดูเป็นเรื่องเกินฝัน แต่สองปีถัดมา พวกเขาคว้าชัยนัดแรกได้ที่สนาม Sportsland SUGO ในเรซที่ 3 กับรถหมายเลข 87 (Yukihiro Hane / Osamu Hagiwara) หมุดหมายที่ทำให้ทั้งวงการยอมรับว่า “ทีมแต่ง” ก็ยืนระยะบนเวทีโรงงานได้  คือภาพจำที่คนยังหยิบมาพูดถึงกัน ส่วน “สเปก” ของกลุ่ม A นั้น โลกไม่ค่อยได้เห็นตัวเลขทางการ แต่เอกสารเทคนิคของ R32 แต่เอกสารเทคนิค R32 ระบุช่วงกำลังของเครื่อง REINIK ไว้ราว 507–659 PS แล้วแต่สภาพสนาม พอจะอธิบายได้ว่าทำไมเจ้า “ก็อดซิลล่า” จาก HKS จึงสามารถเปลี่ยนโครงเรื่องของ JTC ได้ในยุคนั้นได้ สำหรับผม จุดที่ทำให้มันเป็นตำนานไม่ใช่แค่ชัยชนะ แต่มันคือ “ความกล้าของ HKS ” ที่เอาชื่อแบรนด์ตัวเองไปวัดกับโรงงานระดับชาติ และชนะในเกมที่กติกาไม่เข้าข้างคุณด้วยซ้ำ

3.HKS BNR 33 Drag

ปลายอีกฝั่งของโลกเซอร์กิต คือเส้นตรง 402 ม. ที่บีบทุกอย่างให้เกิดในไม่กี่วินาที HKS R33 Drag GT-R คือรถที่ทุกสำนักในญี่ปุ่นอยากล้มให้ได้ ก่อนที่มันจะถูกเก็บขึ้นหิ้งอย่างสมศักดิ์ศรี สถิติที่คนเล่นแดร็กจำได้ขึ้นใจคือ “7.671 วินาที”
ที่ Sendai Hi-Land ในปี 2001 ขับโดย Tetsuya Kawasaki  พร้อมกำลังระดับ  1,300 PS จากหัวใจ RB ที่ขยาย 2.8 ลิตรกับคู่เทอร์โบไซส์ใหญ่ตัวเลขที่ทำให้มันครองบัลลังก์ AWD ที่เร็วที่สุดในโลกอยู่หลายปี ทั้งหมดมีการแถลงจากฝั่ง HKS USA ตอนประกาศ “รีไทร์” รถคันนี้ และมีสกู๊ปยืนยันตัวเลขโดยนักข่าวสายเทคนิคที่ไปเจาะรถจริงไว้ครบถ้วน ตำนานของ R33 คันนี้สอนคนแต่งรถทั้งโลกแห่งความเร็วไว้เป็นบทเรียนอย่างชัดเจนนั้นคือ ฟิล์มน้ำมันต้อง “มาทัน” ตอนบูสต์พุ่ง และการจะเร็วในระยะสั้นที่สุด ต้องเตรียมระบบให้ทนในระยะยาวที่สุด “การพลาดแม้ครึ่งจังหวะ” ก็ทำให้สูญเสียเวลาที่ดีได้

4.R35 GT-R “GT1000+

พอเข้าสู่สมัยรถโมเดิร์น HKS ก็หยิบ R35 GT-R “GT1000+” ขึ้นมาทำการบ้านคำว่า “แรงมากแต่ยังสุภาพ” ให้เป็นรูปธรรม โจทย์คือไม่ต้องพึ่งแอโรโหดๆ แต่ต้องวิ่งให้ได้จริงในสนามแข่งใหญ่ ผลลัพธ์คือถ้วยชนะ
WTAC 2014 (Sydney Motorsport Park) รุ่น R35
ด้วยเวลา 1:30.838 โดย NOB ที่พา “ゴジラ(โกจิระ)” คันเขียว-ม่วง-แดงเฉือนคู่ปรับเบอร์ใหญ่ในช็อตชู๊ตเอาต์สุดท้าย และในบ้านตัวเองก็มีบันทึกจากสื่อเทคนิคร่วมสมัยว่าเดโมคาร์ชุดนี้วิ่งที่ Fuji ได้ 1:39.853 ก่อนลดลงเหลือ 1:37.773 ในปีถัดมา ระดับความเร็วที่ไปแตะรถแข่ง GT300 โดยแทบไม่พึ่งแอโรสุดขั้ว และย้ำว่าเครื่อง VR38 ที่อัปสโตรกพร้อมเทอร์โบของ HKS ถ้าคุมความร้อน/เกียร์/ช่วงล่างให้คุยกันรู้เรื่อง ก็ “เร็วแบบขับได้จริง” ไม่ใช่แค่รถโชว์ตัวเลข

5.TRB-03 (86/BRZ)

คันที่พาแฟน Tsukuba ทั้งโลกอ้าปากค้าง วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2018 HKS บริษัทแม่ประกาศเองว่าทำ 49.445 วินาที สำเร็จในสภาพสนามแดดจัด โดยสามารถทำลายสถิติไว้ได้ต่ำกว่า  50 วินาที ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่วันแรก
โดยจะต้องเกิดจากการทุ่มเทและตั้งใจของ HKS อย่างจริงจัง โดยที่แอโรทำงานได้อย่างดี ช่วงล่างที่อ่านพื้นผิวเป็น และการคุมอุณหภูมิ-แรงดันที่นิ่งพอจะย้ำจังหวะเดิมได้ทุกโค้ง พละกำลังแท้จริงของเวอร์ชันสนามอาจถูกเล่ากันว่าเกิน
800+ ps ในสเต็ปเทอร์โบ ที่ขับโดย NOB  แต่สิ่งที่ HKS ย้ำในข่าวประกาศอย่างยิ่งใหญ่คือ “องค์ความรู้จะถูกป้อนกลับไปยังสินค้า 86/BRZ ที่ขายจริง”


ผมชอบมองตำนานทั้งห้านี้เป็น “ห้องเรียนต่างยุค” ของแบรนด์เดียวกัน สอนว่าความรู้จากสนามแข่งคือเชื้อเพลิงของอุตสาหกรรมอะไหล่ เราอาจจำตัวเลขไม่ได้ครบทุกค่า แต่จำความรู้สึกได้ว่ารถทั้งคัน “เข้าจังหวะเดียวกัน” เป็นอย่างไร นี่คือสารที่ HKS พยายามพูดผ่านงานทุกชิ้น—แรงได้ แต่ต้องสมดุลด้วย ขับดี และอยู่กับเราได้นาน Total Balance Tuning จึงไม่ใช่คำโปรย แต่คือการวางฐานให้ถูก คุมอากาศ–ความร้อนให้ไหล และให้ของเหลวทำงานในเงื่อนไขที่มันเริ่มจาก เคลียร์ระบบหล่อลื่นด้วย DSR GT → เติม น้ำมันเครื่อง HKS ตามความหนืดที่เหมาะสม  แล้วดูแลการจ่ายน้ำมันด้วย  DDR GT—สามขั้นที่พารถกลับมา “เหมือนใหม่” ในทุกวัน


สัมผัสตำนาน HKS ได้แล้ววันนี้

เรื่องราวทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ที่กาลเวลาได้จารึกไว้ ว่า HKS ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ แต่คือตำนานที่ขับเคลื่อนด้วยความหลงใหลและจิตวิญญาณแห่งชัยชนะที่ส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน
คุณสามารถสัมผัสผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก HKS Thailand ได้แล้ววันนี้ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถ แสกน QR Code หรือคลิกลิงค์ด้านล่างนี้ได้ 

https://linktr.ee/hkstl87official

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here