Home Auto News 🚀 Honda แอบซุ่มอะไร? ผ่า 3 เทคโนโลยี “หลัง 2027” ที่จะทำให้รถไฮบริด-EV ดูดวิญญาณคนรักรถ!

🚀 Honda แอบซุ่มอะไร? ผ่า 3 เทคโนโลยี “หลัง 2027” ที่จะทำให้รถไฮบริด-EV ดูดวิญญาณคนรักรถ!

65
0
Honda Next Generation Hybrid Study Model

ถ้าใครคิดว่า Honda จะปล่อยให้ตลาด EV/HEV มันเหงาเป็นบ่อปลาแห้ง คิดผิดคิดใหม่ได้เลยครับ!

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Honda จัด “Honda Automotive Technology Workshop” ที่กรุงโตเกียวแบบเงียบ ๆ แต่สิ่งที่ปล่อยออกมานั้นไม่เงียบเลย… มันคือการประกาศกร้าวว่าค่ายนี้กำลังเตรียมตัวเข้าสู่ยุค “ครึ่งหลังของทศวรรษ 2020s” ด้วยการอัปเกรดเทคโนโลยีแบบยกแผง ตั้งแต่แพลตฟอร์มไฮบริดตัวเก่ง ไปจนถึง EV คันจิ๋วที่โคตรกวนโอ๊ย!

งานนี้ไม่ใช่แค่การโชว์ศักยภาพ แต่มันคือการประกาศ “แนวทางใหม่” ที่จะทำให้รถยนต์ยุคหน้าของ Honda ยังคงไว้ซึ่ง “Joy of Driving” หรือ “ความสุขในการขับขี่” ที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ ต่อให้โลกจะเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้า แต่จิตวิญญาณของวิศวกรที่ชอบทำรถซิ่งก็ยังอยู่! (เชื่อเถอะว่า Honda ไม่ยอมเป็นแค่ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าติดล้อแน่นอน!)


1. 🏗️ แพลตฟอร์ม Mid-Size HEV เจนฯ ใหม่: ลดน้ำหนัก 90 กิโลฯ! (หรือก็คือ… รถที่ต้อง “เบาแต่แข็ง”)

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังลดความอ้วนได้ 90 กิโลกรัม โดยที่กล้ามเนื้อยังแน่นเปรี๊ยะ นั่นแหละคือสิ่งที่ Honda กำลังทำกับแพลตฟอร์มไฮบริดรุ่นใหม่ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป

📌 “เบา” แต่โคตร “หนึบ” นี่คือโจทย์ที่ท้าทาย

Honda บอกว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อความสุดยอด 2 อย่างที่ดูจะย้อนแย้งกัน คือ “น้ำหนักเบา” และ “ความแข็งแกร่งของตัวถัง” แต่ที่พีคกว่านั้นคือ การลดน้ำหนักลงได้ถึง 90 กิโลกรัม (198 ปอนด์) เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มปัจจุบัน!

เอาจริง ๆ นะ การลดน้ำหนักรถได้เกือบหนึ่งร้อยกิโลกรัมโดยที่ความปลอดภัยไม่ลดลง ถือเป็นไสยศาสตร์ขั้นสูงของวิศวกรรมยานยนต์เลยล่ะครับ!

แต่การลดน้ำหนักไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลข เพราะมันพ่วงมากับแนวคิดใหม่ในการจัดการ “ความแข็งแกร่งของตัวถัง (Body Rigidity)” ซึ่งเป็นแกนหลักของการควบคุมรถเลย!

💡 เทคนิค “ดิ้นได้…แต่คุมได้”

Honda ไม่ได้ต้องการแค่รถที่แข็งเป็นท่อนไม้ แต่ต้องการรถที่ “ควบคุมการบิดตัวได้” (Vehicle Behavior as if the body flexes during cornering) คือเวลาเข้าโค้งแรง ๆ ตัวถังจะมีการให้ตัวอย่างเหมาะสม เพื่อ “ถ่ายน้ำหนัก” ไปที่ยางแต่ละเส้นได้อย่างฉลาด ทำให้หน้ายางมีแรงยึดเกาะถนน (Roadholding) มากขึ้น

พูดง่าย ๆ คือ: มันไม่ได้แข็งทื่อ แต่มันรู้จังหวะการ “ดิ้น” เพื่อให้เข้าโค้งได้เนียนขึ้นเหมือนนักยิมนาสติก! และที่เจ๋งคือกฎฟิสิกส์ข้อนี้จะถูกนำไปใช้กับ แพลตฟอร์ม EV ของ Honda ในอนาคตด้วย! ใครชอบฟีลลิ่งแบบรถสปอร์ตที่ “รู้สึก” ได้ถึงการทำงานของช่วงล่าง เตรียมตัวเสียตังค์ได้เลยครับ

📈 แผนการ “Modular Architecture” ฉบับประหยัดและประสิทธิภาพสูง

Honda ไม่ได้มองแค่เรื่องการขับขี่ แต่ยังมองถึงเรื่อง “เงินในกระเป๋า” ทั้งของตัวเองและลูกค้าด้วย แพลตฟอร์มใหม่นี้ใช้แนวคิด Modular Architecture หรือ “การสร้างรถแบบเป็นชิ้นส่วนโมดูล”

  • ชิ้นส่วนร่วม: พวกห้องเครื่องและส่วนล่างของตัวถังด้านหลัง (Engine room and rear underbody) จะใช้ร่วมกันได้
  • ชิ้นส่วนเฉพาะ: พวกห้องโดยสารด้านหลัง (Rear cabin) จะออกแบบเฉพาะรุ่นไป
  • เป้าหมาย: ชิ้นส่วนร่วมกัน (Parts Commonality) มากกว่า 60% ในทุกรุ่นที่ใช้แพลตฟอร์มนี้!

บทวิเคราะห์ฉบับ the Chronicles: นี่คือการเล่นเกมที่ฉลาดมาก เพราะมันแปลว่า Honda สามารถ “แตกไลน์รุ่นย่อย” ออกไปได้อีกเป็นสิบๆ แบบ โดยที่ต้นทุนการพัฒนา (Development Cost) และต้นทุนการผลิต (Production Cost) ถูกกดให้ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ เราอาจจะได้เห็น Honda Civic Hybrid, Accord Hybrid, หรือแม้กระทั่ง HR-V Hybrid ที่มี DNA การขับขี่โคตรสปอร์ตในราคาที่จับต้องง่ายขึ้น! (เตรียมควักกระเป๋าได้เลยไอ้ต้าวคนบ้ารถ!)

🕹️ ระบบควบคุมการเคลื่อนไหว (Motion Management System) คือหุ่นยนต์ใส่ล้อ!

นอกจากโครงสร้างแล้ว สมองกล ของรถก็ถูกอัปเกรดเช่นกัน Honda เอาความรู้เรื่องการควบคุมท่าทาง (Posture Control) ที่สะสมมาจากการพัฒนาระบบ Robotics (จำหุ่น ASIMO ได้ไหม? ความรู้จากหุ่นตัวนั้นแหละ!) มาใส่ในระบบ Motion Management System

และมีการเพิ่ม Pitch Control Technology เข้าไปในระบบ Agile Handling Assist (AHA) ซึ่งเคยอยู่ใน Accord และ Prelude รุ่นปัจจุบันแล้ว

Pitch Control คืออะไร? มันคือเทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมการยุบตัวของหน้า/ท้ายรถเวลาเบรก/เร่ง/เลี้ยว ให้เป็นไปตามที่คนขับต้องการ ช่วยให้รถหน้ารถจิกพื้นเวลาเลี้ยวเพื่อเพิ่ม Grip ได้ดีขึ้น

สรุปคือ: Honda กำลังสร้างรถที่ “เข้าใจ” คนขับอย่างแท้จริง ไม่ว่าถนนจะขรุขระแค่ไหน หรือคุณจะสั่งให้รถทำอะไร รถมันจะตอบสนองตาม “ใจสั่งมา” อย่างแม่นยำที่สุด นี่คือการกลับไปตอกย้ำ “ความสุขที่เกิดจากการเป็นหนึ่งเดียวกับรถ” ที่ Honda เคยวาดฝันไว้ตั้งแต่ยุคเครื่องยนต์สันดาป!


2. 🔋 ไฮบริดไซส์บิ๊ก V6 เทอร์โบ: พลังลากจูงที่แรงกว่า ICE เดิม 10%!

ในขณะที่บางตลาด (เช่นญี่ปุ่นและยุโรป) ชอบรถเล็ก แต่ อเมริกาเหนือ ยังเป็นตลาดที่คลั่งไคล้ “รถใหญ่ไซส์ยักษ์” อยู่ Honda รู้ดีว่าตลาดนี้มีความต้องการรถ Large-Size HEV (พวก D-Segment ขึ้นไป) ที่ต้องแรงพอจะลากเรือ ลากรถพ่วงได้สบาย ๆ แต่ก็ต้องประหยัดน้ำมันด้วย

นี่คือที่มาของ Next-Generation Large-Size Hybrid System ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 2020s

⛽ เครื่อง V6 เจนฯ ใหม่ + ประหยัดขึ้น 30%

Honda จัดเต็มด้วยการพัฒนา เครื่องยนต์ V6 ตัวใหม่ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียที่โคตรเข้มงวด พร้อมกับชุด Drive Unit และ Battery Pack ที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ต้นทุนต่ำลง

  • เป้าหมายความประหยัด: ต้องการให้รถไฮบริดขนาดใหญ่ ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับรถยนต์ ICE (เครื่องยนต์สันดาปภายใน) ไซส์เดียวกันในปัจจุบัน
  • เป้าหมายความแรง: ประสิทธิภาพการเร่งแบบ Full-Throttle (เหยียบมิด) ต้อง แรงกว่ารถ ICE เดิมเกิน 10% โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มาเสริมแรง

บทวิเคราะห์ฉบับ the Chronicles การที่ Honda ยังคงพัฒนา เครื่อง V6 ตัวใหม่ในยุคที่ใคร ๆ ก็หนีไปใช้ 4 สูบหรือ 3 สูบ ถือเป็น “การให้เกียรติลูกค้าอเมริกัน” อย่างแท้จริง! เพราะฟีลลิ่งของเครื่องยนต์ V6 มันคือความลื่นไหล เงียบสงบ และมีแรงบิดสำรองเหลือเฟือสำหรับการขับทางไกลและการลากจูง นี่คือการแสดงให้เห็นว่า “ไฮบริดไม่ได้แปลว่าอืด” แต่แปลว่า “โคตรแรง และโคตรประหยัดไปพร้อมกัน” (ใครที่ชอบ SUV หรือกระบะขนาดใหญ่ เตรียมตัวเจอรถที่ประหยัดน้ำมันจนน่าตกใจได้เลย!)


3. ⚡ Super-ONE Prototype: รถ EV คันจิ๋วที่โคตรกวนโอ๊ย!

มาถึงไฮไลต์ที่น่ารักที่สุดและกวนที่สุดในงาน! คือรถ EV ต้นแบบคันจิ๋วที่ชื่อว่า Super-ONE Prototype ซึ่งเพิ่งเปิดตัวที่ Japan Mobility Show 2025 และมีกำหนดจะขายจริงในญี่ปุ่นในปี 2026 ตามมาด้วยอังกฤษและเอเชีย (รวมถึงประเทศไทยที่ชอบรถคันเล็ก ๆ น่ารัก ๆ แบบนี้แน่นอน!)

🕹️ “e: Dash BOOSTER” – EV ที่มีเกียร์ให้ซิ่ง!

คอนเซ็ปต์หลักของรถคันนี้คือ “e: Dash BOOSTER” Honda ต้องการให้ EV คันนี้เปลี่ยนการเดินทางในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น (Exciting and Uplifting)

หัวใจสำคัญที่ทำให้มันกวนโอ๊ยสุด ๆ คือระบบเฉพาะของมันที่ชื่อว่า “Boost Mode”

⚙️ ระบบเกียร์ 7 สปีด “ปลอม” ที่โคตรจริงจัง!

ปกติแล้ว EV คือรถที่ขับง่าย เร่งแบบ Linear (นุ่ม ๆ เป็นเส้นตรง) แต่ Super-ONE ไม่ยอม! Honda พัฒนา “ระบบส่งกำลัง 7 สปีดจำลอง (Simulated 7-speed transmission)” ขึ้นมา!

มันจะซิงค์การทำงานกับระบบ Active Sound Control เพื่อสร้าง “เสียงเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง” และ “ฟีลลิ่งการเปลี่ยนเกียร์ที่คมชัด” (Sharp Gearshift Feel) เหมือนคุณกำลังขับรถเครื่องยนต์สันดาปที่มีเกียร์จริงๆ!

  • วิศวกรรมความเกรียน: ระบบจะคำนวณรอบเครื่องยนต์จำลอง (Simulated Engine Speed) และตำแหน่งเกียร์ตามเวลาจริงจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การกดคันเร่ง ความเร็ว และพฤติกรรมการเข้าโค้งของรถ
  • ความสมจริงแบบกวน ๆ: มันยังจำลอง “แรงกระชาก” (Shock of kickdown) เวลาที่คุณกดคันเร่งลงไปเพื่อลดเกียร์ และจำลองการทำงานของ “Fuel Cut” (การตัดน้ำมันชั่วคราวเพื่อควบคุมรอบเครื่องยนต์) ด้วย!

บทวิเคราะห์ฉบับ the Chronicles: นี่คือการตบหน้าพวกที่บอกว่า “EV มันขับไม่สนุก” อย่างจัง! Honda พยายามที่จะผสมผสาน “ความนุ่มนวลและแรงบิดทันทีทันใดของ EV” เข้ากับ “ความเร้าใจและเสียงเครื่องยนต์ที่ชวนให้รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถของ ICE” นี่คือการแสดงความเคารพต่อคนรักรถที่ยังโหยหาฟีลลิ่งของการ “เข้าเกียร์และฟังเสียงเครื่องยนต์” อย่างแท้จริง! ถ้าทำได้จริง… Super-ONE จะเป็น EV ที่โคตรกวน และโคตรน่าซื้อที่สุดในตลาดแน่นอน!

🏋️ ตัวถังน้ำหนักเบาและจุดศูนย์ถ่วงต่ำ

นอกจากความกวนเรื่องเกียร์แล้ว ตัวรถ Super-ONE ยังใช้แพลตฟอร์มน้ำหนักเบาที่พัฒนามาจาก Honda N Series (รถ Kei Car ในญี่ปุ่น) มีการขยายความกว้างตัวถัง (Widened Tread) และวางแบตเตอรี่แบบบาง (Thin Battery) ไว้กลางตัวถังด้านล่าง

ผลลัพธ์คือ: มันเป็นหนึ่งใน A-Segment EV (รถยนต์จิ๋ว) ที่มีตัวถัง เบาที่สุด และมี จุดศูนย์ถ่วงต่ำ กว่ารถยนต์น้ำมันไซส์เดียวกัน!

ข้อดีคือ: มันจะตอบสนองต่อคำสั่งคนขับได้ไวมาก ๆ (High Responsiveness) เข้าโค้งได้แม่นยำ และให้ความรู้สึกควบคุมได้ง่ายแม้จะวิ่งด้วยความเร็วสูง! (เล็กพริกขี้หนูของจริง!)


💡 สรุปสุดท้าย: Honda ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่มา “ยกระดับเกม”

สิ่งที่ Honda นำเสนอในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปิดตัวรถใหม่ แต่เป็นการเปิดตัว “รากฐาน” ของรถยนต์ทั้งหมดในอนาคต

  1. Mid-Size HEV Platform: เน้นความประหยัดต้นทุนด้วย Modular Architecture และความสนุกในการขับขี่ด้วยเทคโนโลยี “การบิดตัวอย่างฉลาด”
  2. Large-Size HEV System: เอาใจตลาด North America ด้วย V6 Hybrid ที่โคตรแรงและโคตรประหยัด (เพิ่ม 30%!)
  3. Super-ONE EV: EV คันเล็กที่ฉีกกฎ EV ด้วย “เกียร์ 7 สปีดจำลอง” ที่มอบความเร้าใจแบบรถน้ำมัน

Honda ยังคงยึดมั่นในหลักการ M/M Concept (Man Maximum, Machine Minimum) ที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่และคนขับเป็นอันดับแรก และเสริมด้วยพันธกิจใหญ่คือ “Carbon Neutrality” และ “Zero Fatalities” ภายในปี 2050

บทสรุปที่ต้องรู้: สำหรับคนรักรถที่เคยหวั่นใจว่ายุคไฟฟ้าจะทำให้รถขับไม่สนุก หรือ Honda จะละทิ้งความซิ่งไป… ข่าวนี้เป็นเหมือนการตอกย้ำว่า “Honda ยังคงเป็น Honda ที่บ้ารถเหมือนเดิม” แค่ตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดแล้วเท่านั้นเอง! เตรียมตัวไว้เลยครับ รถยุค “หลัง 2027” ของ Honda จะมาพร้อมกับความประหยัดที่สมเหตุสมผล และความสนุกในการขับขี่ที่อาจจะ “ดูดวิญญาณ” คนรักรถได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ!


#NextGenHonda #SuperONE #EVมีเกียร์ #HondaTechnology #Hybrid2027 #HondaHEV #รถยนต์ไฟฟ้า #รถจิ๋วแต่ซิ่ง #ลดน้ำหนัก90kg #JoyOfDriving #รีวิวรถกวนๆ #HondaV6

ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพ: global.honda / carscoops

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here